ในคดีหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์ หรือทางอินเตอร์เน็ตนั้น ไม่ว่าเราจะฟ้องตาม ม.326 หมิ่นประมาท หรือ ม. 328 หมิ่นประมาทโดยการโฆษณานั้น เราต้องเข้าใจก่อนว่า เราต้องฟ้องทั้งแหล่งข่าว หรือต้นตอของข่าว ผู้นำข่าวออกเผยแพร่ หรือผู้กลั่นกรองข่าวก่อนนำข่าวออกสู่สาธารณชน รวมถึงผู้นำข่าวดังกล่าวกระจายออกไปทางอินเตอร์เน็ต การดำเนินการฟ้องก็ต้องฟ้องจำเลยทุกคน
ลูกความบางท่าน ได้ค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตแล้วนำข้อมูลบางอย่างไปปฏิบัติจริง โดยคิดว่าการฟ้องคดีหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์และบนอินเตอร์เน็ต สามารถทำได้ทั่วประเทศ เพราะสื่อดังกล่าวได้แพร่หลายไปทั่วประเทศ การฟ้องร้องดำเนินคดีจึงทำได้ทุกจังหวัด โดยหลักการแล้วก็สามารถทำได้ แต่ถ้าฟ้องดำเนินคดีจริงจะเป็นอย่างไร ? การฟ้องในต่างจังหวัดทั้ง 2 แห่งพร้อมกัน ในคดีเดียวกันนั้น โดยมีโจทก์และจำเลยคนเดียวกันนั้น โจทก์ก็ต้องเลือกคดีเพียงคดีเดียว ที่อยู่ในศาลจังหวัดเดียว โดยหากทั้ง 2 คดี อยู่คนละศาลแล้ว คดีที่เราฟ้องภายหลัง ถือว่าเป็นฟ้องซ้อน หรือหากคดีแรกมีคำพิพากษาแล้ว คดีหลังก็เป็นฟ้องซ้ำ
ซึ่งอย่างไรก็ตาม ก็จะเหลือเพียงคดีเดียวในศาล ที่โจทก์และจำเลยต้องมาเข้าสู่กระบวนการพิจารณากัน กลับมาเรื่องของการฟ้องจำเลยในคดีหมิ่นประมาทในศาลนั้น ทนายบางท่านให้ข้อแนะนำแก่ลูกความว่า ควรจะฟ้องแค่คนให้ข่าว ส่วนหนังสือพิมพ์ และบรรณาธิการข่าวไม่ควรฟ้อง เพราะมีกฎหมายยกเว้นความผิด หรือไม่อยากมีข้อขัดแย้งกับทางหนังสือพิมพ์ หรือผู้กระจายข่าว หรือกลัวโดนฟ้องกลับด้วยเหตุผลต่างๆนานา ซึ่งหากผู้ฟ้องเห็นตามข้อแนะนำดังกล่าวแล้ว ผู้เขียนเห็นควรว่า ท่านอย่าฟ้องไปเลยครับ เพราะท่านจะเสียค่าทนายโดยเปล่าประโยชน์ เพราะหากมิได้ฟ้องสำนักพิมพ์ หรือบรรณาธิการข่าวแล้ว ผู้ถูกฟ้องนั่นก็คือผู้ให้ข่าว หรือต้นตอของข่าว ก็สามารถให้การในชั้นศาลได้ว่า ตนเองไม่ได้ให้ข่าว หรือเต้าข่าวดังกล่าวขึ้น โดยเป็นทางหนังสือพิมพ์ต่างหากที่เขียนข่าว หรือเต้าข่าวขึ้นมาเพื่อให้ข่าวน่าสนใจแก่ผู้อ่านข่าว
การฟ้องคดีในศาล ซึ่งผู้ถูกฟ้องทุกคนที่ถูกฟ้องในฐานะจำเลยนั้น ไม่ว่าจะเป็นแหล่งข่าว สำนักพิมพ์หรือหนังสือพิมพ์ หรือแม้กระทั่งบรรณาธิการข่าว หรือผู้นำข่าวออกเผยแพร่ต่อไปอีกนั้น เป็นหารที่ฟ้องเพื่อให้จำเลยทุกคน ได้เข้ามาสู่กระบวนการพิจารณาคดีของศาล เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมดในการสืบพยานแต่ละปาก เพื่อให้ทราบได้ว่าใครเป็นผู้ให้ข่าว ใครเป็นผู้เต้าข่าว และใครเป็นผู้นำข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าวออกเผยแพร่ให้แก่สาธารณชน ซึ่งทำให้ผู้ฟ้องเสียหาย ซึ่งจะเป็นการหาผู้ที่กระทำผิดได้ถูกตัว และหากผู้ถูกฟ้องท่านอื่นที่ได้กระทำไปโดยความไม่รู้ในข้อเท็จจริงอันนั้นแล้ว ในการพิจารณาของศาลก็จะมีคำตัดสิน หรือคำพิพากษาที่มีความยุติธรรมแก่บุคคลเหล่านั้นปรากฏออกมาเอง
ที่สำคัญคือเราต้องมองตามความเป็นจริง และมองที่วิธีการพิจารณาคดีของศาลเป็นสำคัญ จึงจะเป็นหนทางที่จะทำให้ชนะในการดำเนินคดีหมิ่นประมาท
ทค.สิรภพ โชติยาธนากูล